วันพุธ, ตุลาคม 4, 2023
BUSINESS

นิปปอนเพนต์” ประกาศยุทธศาสตร์ “Inspired by you” ชูแนวคิด “3C” ขึ้นแท่นผู้นำตลาดสี 3 หมื่นล้าน 

 

ปี 2565 ถือเป็นปีทองของ “นิปปอนเพนต์” นอกจากจะได้รับการจัดอันดับ 1 จากการจัดอันดับ Top 25 2022 Manufacturers in Asia Pacific Coatings โดย APCJ ต่อเนื่องหลายปี  โดยการจัดอันดับครั้งนี้พิจารณาจากการเป็นบริษัทที่มีได้ยอดขายสีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง “นิปปอนเพนต์” มียอดขาย 8,460 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็นบริษัทที่มียอดขายสูงสุด (Source: Top 25 2022 Manufacturers in Asia Pacific. Asia Pacific Coatings Journal,pp.50)

 

ด้าน “นิปอนเพนต์ เดดโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด” ในปี 2565 ที่ผ่านมาโตขึ้นกว่า 30 % นับเป็นการเติบโตที่สูงที่สุด ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยหลังโควิด-19 คลี่คลายรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคัก ทำให้ธุรกิจทั้งการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตเริ่มกลับมาขับเคลื่อนได้ ส่งผลให้ตลาดสีทาบ้านและอาคารกลับมาคึกคัก ขณะที่ “นิปปอนเพนต์ เดดโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด” เตรียมพร้อมตลอดเวลา ทั้งด้านการเตรียมแผนธุรกิจ และบุคลากรที่พร้อมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความท้าทายของทุกสถานการณ์ ทำให้บริษัทฯรองรับและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ ยังมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ใหม่ “Inspired by you” ที่ว่าทุกสินค้าสี ระบบสี และบริการรวมถึง Solutions เริ่มต้นกระบวนการคิดจากความต้องการของลูกค้า ด้วยความตั้งใจที่พร้อมจะสร้างสรรค์สังคมอันยั่งยืนเคียงคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการที่น่าประทับใจ โดย Inspired by you นี้ยังเป็นคอนเซ็ปต์ในการทำงานของนิปปอนเพนต์ทุกประเทศทั่วเอเชีย

 

นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสี “นิปปอนเพนต์” ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปี 2565 นิปปอนเพนต์มียอดขายสูงสุด เป็นประวัติศาสตร์นับแต่จัดตั้งบริษัทและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 30% ถือเป็นการเติบโตในทุกช่องทาง ทั้งกลุ่มลูกค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ B2B  Modern Tarde และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม Traditional Trade รวมถึงช่องทาง Online

 

“ปี 2565 นิปปอนเพนต์สามารถทำยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ ถือเป็น New High เพราะเป็นการเติบโตครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมา ทำให้วันนี้นิปปอนเพนต์มั่นใจว่า จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสีทาบ้านและอาคารของเมืองไทย”

 

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีที่มีการระบาดของโควิด19 ทำให้บริษัทต้องชะลอแทนที่จะอยู่ในช่วงของการ Take off แต่บริษัทก็เลือกที่จะรีสกิลและอัพสกิลพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมก้าวเดินได้ทันที เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ดังนั้นนับจากครึ่งหลังของปี 2565 จึงเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเดินหน้าธุรกิจและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จนสร้างยอดขายให้สูงเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ยังได้รับเสียงตอบรับจากพันธมิตรคู่ค้าที่ดีต่อเนื่องมาจนปี 2566

 

“สิ่งที่เราภาคภูมิใจคือลูกค้าในทุกเซ็กเตอร์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการโครงการ (B2B) ตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ต่างยอมรับและมองเห็นถึงศักยภาพของนิปปอนเพนต์ เห็นพัฒนาการที่ดีของทีมงาน ที่มีทักษะความพร้อม ความรู้ และช่วยแก้ปัญหา ให้คำปรึกษา แนะนำ รวมถึงใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้ก้าวหน้าและเติบโต”

 

นายณรงค์ฤทธิ์ มาลัยนวล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดของนิปปอนเพนต์ในปี 2566 นี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสีทาบ้านและอาคาร หรือ The Coatings Expert ผ่าน Inspired by you กับแนวคิด “3C” ได้แก่

 

  • Customer Centric – ตามปณิธานขององค์กร การยึดความต้องการของลูกค้าเพื่อเข้าใจ แก้ไขและป้องกันปัญหาสี เป็นสิ่งสำคัญ โดยนิปปอนเพนต์ต้องการสร้างความแตกต่าง เพื่อสร้างความประทับใจ การจดจำ และการบอกต่อถึงความเอาใจใส่
  • Customized Solution – “เพราะความใส่ใจทำให้เราเชี่ยวชาญ” การศึกษาเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการลูกค้าแต่ละบุคคล แต่ละองค์กรอย่างถ่องแท้ พร้อมนำเสนอ Solution ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ผ่านความเชี่ยวชาญที่นิปปอนเพนต์มีเสมอมาอย่างมากที่สุด เพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาสี
  • Concrete Innovation – การเดินหน้าคิดค้น วิจัยและพัฒนาเพื่อนำเสนอนวัตกรรมในทุกผลิตภัณฑ์สีอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสิ่งใหม่ที่สร้างประโยชน์ แก้ปัญหาและป้องกันได้จริง สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างการรับรู้ ความเข้าใจถึงความแตกต่างของสินค้าและบริการที่นิปปอนเพนต์มีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มได้เข้าถึง เกิดความมั่นใจและตัดสินใจเลือกใช้นิปปอนเพนต์ ซึ่งมีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำ สีน้ำมัน สีรองพื้น สีกันสนิม สีเพื่อสุขภาพ ฯลฯ โดยนำเสนอผ่านแคมเปญต่างๆ ในรูปแบบการตลาดแบบบูรณาการ (Integrated Marketing) เนื่องจากทุกช่องทางการสื่อสารเชื่อมโยงกันและมีการเลือกใช้สื่อที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ในทุกมิติทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าทั้ง B2C และ B2B

 

“นิปปอนเพนต์เน้นการสร้าง Engagement กับลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมา ช่างสี ฯลฯ รวมไปถึงโมเดิร์นเทรด หรือดีลเลอร์ และเพื่อรองรับดีมานด์ที่เกิดขึ้นในทุกๆกลุ่ม ในปีนี้จะเห็นการนำเสนอนวัตกรรมออกสู่ตลาด ทั้งในกลุ่มสินค้าสีทาพื้น ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 500 ล้านบาทมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก  รวมทั้งยังมีแผนนำสินค้าที่เป็นเรือธงออกมาทำตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย”

 

นายวัชระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2566 ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับนิปปอนเพนต์ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น จากปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริโภคในประเทศ และภาคท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักขึ้น หลังจีนเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางท่องเที่ยวได้ ทำให้โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ ต้องปรับปรุงตกแต่งอาคาร ร้านค้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนยังมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกปัจจัยบวกคือ การย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบการรายใหญ่ ทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และการใช้จ่ายที่จะตามมาในอนาคต ขณะที่ปัจจัยลบที่ต้องจับตามองคือ การเลือกตั้ง ซึ่งยังต้องรอดูนโยบายใหม่ของรัฐบาลว่าจะเดินหน้าอย่างไร

 

“ปีนี้บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่าภาพรวมของเศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้นจากภาคการผลิตและภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งนิยมซื้ออาคารสูงในไทย จะส่งผลให้ตลาดอาคารสูงกลับมาคึกคัก และเดินหน้าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดสีทาบ้านและอาคารกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้นิปปอนเพนต์เองเติบโตตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น 25% พร้อมกับมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นและกลายเป็นผู้นำตลาดในที่สุด”

 

สำหรับในปี 2565 ตลาดสีทาบ้านและอาคารมีมูลค่ารวมกว่า 27,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 6% แบ่งออกเป็นตลาดสีทาบ้านและอาคารที่จำหน่ายผ่านช่องทาง Modern Trade คิดเป็นสัดส่วน 30% มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 12-15% ตลาดสีทาบ้านและอาคารที่จำหน่ายผ่านช่องทาง Traditional Trade คิดเป็นสัดส่วน 50% มีการเติบโตแบบทรงตัว และตลาดสีทาบ้านและอาคารที่จำหน่ายตรง (Direct Sale) คิดเป็นสัดส่วน 20%  มีการเติบโต 8-10% ขณะที่ในปี 2566 คาดว่าตลาดสีทาบ้านและอาคารจะเติบโตราว 10% ส่งผลให้มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาท ขณะที่นิปปอนเพนต์ตั้งเป้าเติบโตที่ 25 %