วันศุกร์, ธันวาคม 8, 2023
BUSINESS

“โมโนแมกซ์” ลุยเต็มสูบ พร้อมขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง “สตรีมมิ่งไทย” ปล่อยคอนเทนต์ออริจินอล ดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ดันยอดสมาชิก

 

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของปี 2566-2567 ว่า “ปัจจุบันธุรกิจทีวีช่อง MONO29 ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในการสร้างรายได้ของโมโน หลายคนอาจจะมองว่ารายได้ทีวีไม่ได้เติบโตมากนัก เพราะผู้ชมย้ายไปออนไลน์ แต่ในมุมของโมโนวันนี้ธุรกิจทีวียังคงเป็นรายได้หลัก สำหรับธุรกิจทีวียังคงมีความสำคัญต่อแบรนด์ในการสร้างความรับรู้และความน่าเชื่อถือไม่เปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมา SVOD (Subscription Video on Demand) ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ไปได้ดี เป็นธุรกิจที่เราทำควบคู่กับการทำสถานีโทรทัศน์มานานกว่า 8 ปีแล้ว นั่นคือ MONOMAX (โมโนแมกซ์) กับรายได้ที่มาจากลูกค้าที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก MONOMAX ซึ่งได้เห็นทิศทางกระแสโลกว่าจำนวนคนดูทีวีเริ่มอิ่มตัวแล้ว ขณะที่ SVOD มันยังสามารถโตได้อีก คอนเทนต์แต่ละรายมีจุดแข่งขันต่างกัน และหลากหลายแบบ long-tail จึงมีโอกาสเติบโตจากเม็ดเงินในตลาดที่ขยายตัวได้อีกเป็นไปตามเทรนด์โลก

 

จากการสำรวจและวิจัยจะพบว่าการดูทีวีจะลดลง 10% ของทุกปี เพราะคนรุ่นใหม่จะคุ้นเคยกับการชมคอนเทนต์ทางอินเทอร์เน็ตมากกว่า และไม่ได้สนใจว่าต้องมีทีวีในห้อง หรือในบ้าน ดังนั้น ธุรกิจของโมโนต่อไปนี้จะไม่ได้พึ่งพารายได้โฆษณาทีวีอย่างเดียว แต่จะมีรายได้ของ MONOMAX ที่เติบโตขึ้นมาคู่กัน ขณะที่ธุรกิจของ MONOMAX มีสมาชิกตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังไปจับมือกับ 3BBGIGATV เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้ไปเจอจุดขายที่เหมาะสมกันพอดี กลายเป็นว่า MONOMAX โตขึ้น 300% ทันที ในปี 2564 เพราะเราทำ hard bundling กับ 3BBGIGATV ในขณะเดียวกันคอนเทนต์ซีรีส์จีนเป็นตัวเด่นให้คนสมัครเข้ามาเรื่อย ๆ เติบโตมากกว่า 15% ต่อปี ปัจจุบันเรามีซีรีส์จีน 129 เรื่อง และซีรีส์เกาหลี 123 เรื่อง ที่สามารถให้ลูกค้าหมุนเวียนรับชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง จุดเด่นของเราคือ เป็นซีรีส์จีน-ซีรีส์เกาหลี ที่มีการพากย์ไทยแบบ 100% เพื่อซัพพอร์ตกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่ไม่สะดวกอ่านซับไตเติ้ล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและพึงพอใจในการพากย์ของเรา”

 

 

“นับจากนี้ MONOMAX จะมีคอนเทนต์หนังและซีรีส์ของตัวเอง ที่อยู่ภายใต้การผลิตของโมโน ออริจินอล ประเดิมซีรีส์เรื่องแรกไปแล้วกับเรื่อง “ฟางเล่นไฟ” และภาพยนตร์  “My Next doll  ยัยตุ๊กตาซ้อมรักยกกำลังสอง” รวมถึงกระแสซีรีส์เรื่องล่าสุด “เปลือกรักปมลวง HANGOUT” ที่ได้นางเอกชั้นนำของเมืองไทย คุณป๊อก-ปิยธิดา, คุณโดนัท-มนัสนันท์, คุณแพนเค้ก-เขมนิจ, คุณขวัญ-อุษามณี และคุณชิปปี้-ศิรินทร์ มารวมตัวในซีรีส์เรื่องนี้ และเริ่มออกอากาศทางโมโนแมกซ์ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาในโลกโซเซียลมีการพูดถึงว่าอยากดูเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และจะเห็นได้ว่ารายได้ของโมโนแมกซ์เติบโตขึ้น 15-25% ในเดือนนั้น ๆ ทันที”

 

“จากกรณีความสำเร็จที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าการทุ่มเทผลิตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มการเติบโตได้ทุกเดือน โดยในวันที่ 14 ธันวาคม2566 จะมีการเปิดตัวผลิตซีรีส์และหนังอีก 24 เรื่อง ภายใต้งบที่เราวางไว้ 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบจัดสรรและไม่ได้ทุ่มเงินทั้งหมดในครั้งเดียว แต่จะค่อย ๆ ผลิตไปลงทุนไป โดยมีการคาดการณ์การใช้งบในปีต่อไปของโมโน ออริจินอล คือ 1 ใน 3 (ประมาณ 33%) ของงบรวมทั้งบริษัท จากเงิน 1,200-1,400 ล้านต่อปี ซึ่งจะสามารถผลิตได้ประมาณ 16-24 เรื่อง ตอนนี้ทีมฝ่ายอินเตอร์ได้วางไลน์อัพในการนำคอนเทนต์ที่เราผลิตไปขายยังต่างประเทศแล้ว คาดว่าจะมีโอกาสที่จะขายลิขสิทธิ์ต่างประเทศได้อีก และสามารถชดเชยต้นทุนได้ถึง 15% จากนี้จะเห็น MONOMAX ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีสมาชิก 2 ล้านรายในปี 2567 พร้อมมีเป้าหมายผลักดันรายได้กลับขึ้นมาในระดับ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2568-2569”

 

ส่วนกรณีหลังควบรวม AIS และ 3BB การวางสถานะของทาง MONOMAX จะเป็นอย่างไรนั้น ปฐมพงศ์ กล่าวว่า “MONOMAX เติบโตบนกล่อง 3BBGIGATV มาตลอด พอทางเอไอเอสได้ควบรวม 3BB แล้ว ทางเอไอเอสได้ทำข้อตกลงกับ MONOMAX เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับชม MONOMAX ในแพ็คเก็จเหมือนเดิม โดยทั้งสององค์กรจะต้องช่วยกันให้เติบโต โดยเฉพาะคอนเทนต์จาก MONOMAX ในช่อง 3BB ASIA ทาง 3BB GIGATV และ AIS PLAYBOX ก็ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ หลังการควบรวมเชื่อมั่นว่า ทิศทางธุรกิจความร่วมมือที่วางแผนค้างไว้จะนำมาดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าใครจะได้บริการ MONOMAX ต่างกันหรือไม่ สุดท้ายเป็นลูกค้า AIS ทั้งหมดที่จะเข้าถึง MONOMAX ผ่านแพ็คเก็จในราคาต่าง ๆ ที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้า”

 

อย่างไรก็ตาม ตามการอ้างอิงของข้อมูล TV and SVOD Viewership เรตติ้งโดยรวมแพลตฟอร์มดิจิตอลเดือนกันยายน 2566 โดย Nielsen (นีลเส็น) บริษัทที่ทำการวิจัยตลาด MONOMAX อยู่ในลำดับที่ 11 มีอัตราการเข้าถึงครัวเรือน (penetration) 17%

 

ปฐมพงศ์ มองว่า “คู่แข่งรายแรกที่เป็นโกลบอลพรีเมี่ยมของเรา คือ Netflix อยู่ในลำดับที่ 7 ถ้าเปรียบเฉพาะตลาด SVOD เราตาม Netflix เพียงคนเดียว จากอันดับตรงนี้ มองว่า MONOMAX ยังเติบโตได้อีก จากการคาดการณ์ ในปี 2565 ของ กสทช. รายได้ของ OTT ในประเทศไทย น่าจะ 14,600 ล้านบาท แล้วตัวครัวเรือนปี 2565 ประมาณ 22 ล้านครัวเรือน อัตราการเข้าถึงของ OTT/SVOD 36% ในปี 2565 ปัจจุบัน MONOMAX มียอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 860,000 ราย โดยเราตั้งเป้า 2567 มีลูกค้าอยู่ที่ 1 ล้านราย และในปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย สุดท้ายในเรื่องโครงการระยะยาวเราจับมือกับบริษัทที่ทำ AI เพื่อทำซับไตเติ้ลได้หลายภาษามากขึ้น อาทิ จีน ไทย  ภาษาประเทศเพื่อนบ้าน และภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ก็เริ่มใช้ AI พากย์เสียงโดยใช้เสียงต้นแบบที่ใกล้เคียงเสียงนักแสดงคนนั้น ๆ  โดยจะเริ่มกับการดูคลิปออนไลน์ของ MONO29, ซีรีส์, หนัง, คอนเทนต์ดูดวง ฯลฯ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา”

 

#MONO #MONOMAX #MONOORIGINAL