วันเสาร์, ตุลาคม 5, 2024
BUSINESS

BEST Express เตรียมรับมือโปร 11.11 ขยาย HUB รับยอดพัสดุเพิ่ม พร้อมบริการ Cross Border ส่งพัสดุข้ามประเทศ

 

ต้อนรับเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ‘11.11’ ที่ปีนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เพราะคนไทยนิยมช้อปออนไลน์กันมากขึ้นเป็น New Normal ที่เกิดจากโควิด 19 โดยทุกแพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ LAZADA ขนโปรโมชั่น โค้ดส่วนลด โปรส่งฟรี มาเอาใจนักช้อป และเมื่อมียอดซื้อสินค้าจำนวนมาก แน่นอนว่ายอดพัสดุที่ต้องจัดส่งมีจำนวนมหาศาล BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เบสท์ โลติสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยแผนเตรียมพร้อมรับมือกับเทศกาล 11.11 กับ 3 แนวทาง คือ เพิ่มความจุ (Capacity) ให้ HUB หรือศูนย์ประจายสินค้า, ขยาย Auto Sorting โดยนำเครื่องช่วยคัดแยกพัสดุอัตโนมัติมาใช้ใน HUB และบริการการจัดการคลังสินค้าและบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border) เล็งขยายสาขาเพิ่มอีก 800 สาขาในสิ้นปีนี้ และขยายต่ออีก 1,000 สาขาในปี 2565

 

นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โปร 11.11 ในปีที่แล้ว ทางบริษัทฯ เจออุปสรรคในเรื่องของความจุ (Capacity) ไม่ค่อยเพียงพอ รวมทั้งเรื่องของคัดแยกพัสดุ ทำให้มีการส่งพัสดุให้ลูกค้าล่าช้า ในปีนี้เราจึงเพิ่มตัว Auto Sorting 15 เครื่อง เพิ่มขยายความจุ และขยายคลังสินค้า เพื่อจัดการให้เร็วมากยิ่งขึ้น และปัญหาพนักงานที่ไม่เพียงพอ เพราะว่าช่วงเวลาปกติ กับช่วง 11.11 หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ จะมีจำนวนพัสดุเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นปีนี้ในช่วงเวลาของแต่ละแคมเปญ เราได้จัดเตรียม Outsource และจัดหาจำนวนรถต่าง ๆ เพื่อเข้ามาช่วยกระจายพัสดุให้เพียงพอ โดยในช่วงของโปร 11.11 ถือเป็นเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่มาก มีพัสดุค่อนข้างเยอะ โดยทั้งโปร 11.11 และโปร 12.12 จะเป็นช่วงเวลาที่ทาง BEST Express จะได้รับพัสดุมากที่สุด เพราะฉะนั้น 2 ช่วงเวลานี้ เราทำยังไงก็ได้ให้ “บริการให้ดี ส่งได้เร็ว””

 

ปัจจุบัน HUB หรือศูนย์ประจายสินค้าของ BEST Express มีอยู่ 5 แห่งทั่วประเทศ และมี 5 DC ทั่วประเทศเช่นกัน โดยในกรุงเทพฯ มี HUB อยู่ 2 แห่ง คือ BKK HUB หรือฮับกรุงเทพฯ RAMA 2 HUB หรือฮับพระรามสอง และอีก 3 HUB ได้แก่  PHS HUB หรือฮับพิษณุโลก KKC HUB หรือฮับขอนแก่น และ URT HUB หรือฮับสุราษฎร์ธานี ได้มีการเพิ่มความจุ คือ การเพิ่มขยายพื้นที่คลังสินค้าอีกประมาณ 50,000 ตารางเมตร และเพิ่มสาขาเพื่อรองรับลูกค้าอีก 200 สาขาเพิ่มจากปีที่แล้ว โดยเน้นความจุให้มากขึ้น เพื่อรองรับพัสดุที่เข้ามามากขึ้น

 

นอกจากนี้ BEST Express ยังได้จับมือกับ BG LINK (บริษัท บีจี ลิ้งค์ จำกัด) ผู้ให้บริการส่งพัสดุข้ามประเทศ ออกบริการ “BEST Cross Border (บริการส่งพัสดุด่วนข้ามประเทศ)” ที่พร้อมให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนจากไทยไปมาเลเซีย ณ ศูนย์บริการสาขา BEST Express ทั่วไทย และบริการจัดส่งพัสดุด่วนจากไทยไปจีน ใช้ระยะเวลานำส่งพัสดุจากต้นทางไปสู่ปลายทางภายในระยะเวลา 7 – 10 วันทำการ โดยการบริการส่งพัสดุข้ามประเทศได้เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการมากขึ้น ด้วยบริการ BEST2D Booking (เบสท์ ทู ดอร์ บุ๊คกิ้ง) หรือการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ฟรี! ไม่มีขั้นต่ำ และบริการ BEST Tracking Alert (ติดตามสถานะพัสดุอัตโนมัติ) แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทาง LINE Official Account เว็บไซต์และแอพพลิเคชันของ BEST Express

 

นายเจสัน เชียน กล่าวถึงจุดเด่นการให้บริการของ BEST Express ว่า “เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราถือเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เจ้าของต้องคิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรให้ได้กำไรมากที่สุด  เพราะ BEST Express เป็นธุรกิจจากจีนที่ทำระบบแฟรนไชส์จนประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงเอาระบบแฟรนไชส์เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 5 ประเทศที่เราขยายธุรกิจ คือ เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา และไทย โดยเรามี BEST Supply chain เป็นธุรกิจเครือข่ายของต่างประเทศมีอยู่ประมาณ 15 ประเทศทั่วโลก การที่เรามีเครือข่ายในหลายประเทศ ช่วยให้การทำ Cross Border Service ของเราดีขึ้น และได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วย อย่างในประเทศไทยเรามี “BEST Tracking Alert”  โดยลูกค้าผูกเบอร์ไว้กับระบบของเรา หรือผ่าน LINE Official Account เวลาลูกค้าไปส่งพัสดุ ระบบจะทำการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติแบบเรียลไทม์”

 

ในปี 2565 BEST Express จะเป็นธุรกิจขนส่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่จะขยายไปยังต่างประเทศ สร้างเครือข่ายขนส่งให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เชื่อมโยงกัน สามารถส่งของจากประเทศไทยไปต่างประเทศได้หมด รวมทั้งส่งของจากต่างประเทศมายังไทยด้วย โดยปีหน้ามีแผนที่จะขยายการเชื่อมต่อธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และจะมีการพัฒนาขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต สุดท้ายนี้ทาง BEST Express มีบริการใหม่ “BEST Big Parcel” เป็นการให้บริการส่งพัสดุขนาดใหญ่ได้สูงสุด 100 กิโลกรัม เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่จับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการส่งพัสดุขนาดใหญ่ ซึ่งในปีหน้าเราจะพยายามให้การบริการของเรามีประสิทธิภาพ และรองรับความต้องการของลูกได้มากยิ่งขึ้น