เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ พอใจนักลงทุนตอบรับ RO ดี พร้อมนำเงินลงทุนเสริมสภาพคล่องขับเคลื่อนธุรกิจ
บมจ. เคซี.พร็อพเพอร์ตี้ เผยความสำเร็จในการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering – RO) โดยมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิเพิ่มทุนคิดเป็นร้อยละ 74 รวมเป็นเงินกว่า 215.6 ล้านบาท
การทำ RO ในครั้งนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ซึ่งได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน และอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,914,009,678 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (หุ้นสามัญเพิ่มทุน RO) ในอัตราส่วนการจัดสรร 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน (เศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.10 บาท
นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างวันที่ 8-24 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ใช้สิทธิเพิ่มทุนทั้งหมด 173 ราย รวมเป็นเงิน 215,653,120.50 บาท หรือ 2,156,531,205 หุ้น
“ความสำเร็จของการทำ RO ครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก และจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของ เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งช่วยเสริมให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น มีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งมีความคล่องตัวในด้านการริเริ่มโครงการและการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อาทิ การตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการตามกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการบ้านที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่จับต้องได้ รวมทั้งสามารถสนองความต้องการของคนยุคนิวนอร์มอล และรองรับการเติบโตของเมือง ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายสันติกล่าว
นอกจากการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ แล้ว เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ ยังได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการปรับโครงสร้างการบริหารที่ประกอบด้วยผู้บริหารมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถหลากหลาย มีความโปร่งใส มีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะขับเคลื่อนบริษัทฯ ไปสู่ความสำเร็จ การพัฒนาโครงการต่างๆ ที่สนองความต้องการของตลาด และได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรด้านการเงินเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และมีความพร้อมที่จะสร้างความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวสู่สภาวะปกติในปีหน้า