อาร์เอส กรุ๊ป กางแผนยุทธศาสตร์ปี 2022 ดันเป้ารายได้โต 5,100 ล้านบาท ยกระดับ Entertainmerce ด้วยบล็อกเชน ชู Popcoin เสริมแกร่งองค์กร
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ปักธงแสดงจุดยืน และก้าวต่อไปของ Popcoin ในฐานะ Infrastructure เพื่อยกระดับโมเดล Entertainmerce ให้แข็งแกร่งขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งการสร้าง Seamless Customer Experience และการมี Seamless Big Data พร้อมเผย 4 กลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโตของอาร์เอส กรุ๊ป ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อน และกุญแจสำคัญที่จะนำพาทุกธุรกิจในเครืออาร์เอส กรุ๊ป พุ่งทะยานไปสู่เป้าหมาย 5.1 พันล้านบาทในปีนี้อย่างที่ตั้งไว้
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เร่งให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีบล็อกเชนที่กำลังเติบโตและพัฒนาจนนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก อาร์เอส กรุ๊ป จึงเล็งเห็นโอกาส และพยายามมองหาโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อทำให้ Entertainmerce ของเรานั้นสมบูรณ์และไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนา Popcoin ในฐานะเป็นสมาร์ท มาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาทำให้ Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป นั้นขยายใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างการเติบโตใหม่ๆ ให้แก่ทุกธุรกิจในเครือ ซึ่ง Popcoin ได้ Soft Launch ในช่วงปลายปี 2021 และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยในปีนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่จะหันมาโฟกัสที่ดิจิทัลโปรดักส์ ดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลเซอร์วิสเพิ่มขึ้น โดยผ่านการทำงานของ Popcoin เพื่อยกระดับให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ โดยลูกค้ากลุ่ม Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ตอนต้นนั้นยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แต่เราจะใช้ Popcoin มาเชื่อมให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับ Benefits ที่เพิ่มขึ้น และใกล้ชิดกับเรามากขึ้น ส่วนลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่าง Gen Y ตอนปลาย Gen Z และ Alpha ซึ่งชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และ Adopt เทคโนโลยีได้รวดเร็ว เราจะนำ Popcoin มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้พวกเขารู้จักอาร์เอส กรุ๊ป มากขึ้น เข้าถึงเราได้ง่ายกว่าที่เคย และได้รับความสุขที่พิเศษกว่าใครจากการมาเป็น Popster และอยู่ใน Popcoin Community”
อาร์เอส กรุ๊ป มี 4 กลยุทธ์สำคัญที่เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ซึ่งได้แก่
- การสร้างดิจิทัล อีโคโนมี บนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จาก
- การสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ ทั้งในแง่ของ E-Commerce และ ออนไลน์คอนเทนต์
- ชูดิจิทัลคอนเทนต์และนำ Asset ของอาร์เอสมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ทราสฟอร์ม Physical Asset ของอาร์เอสที่มีอยู่ ให้กลายเป็น Digital Asset เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ
- ใช้ Popcoin เป็นเครื่องมือสำคัญในการแปลง Asset ของอาร์เอสให้เป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน
- เป็นองค์กรแห่งข้อมูล นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจและนำมาต่อยอดเพื่อสร้าง Business Direction ที่ชัดเจน ภายใต้ Vision และ Mission ขององค์กร
- การนำข้อมูลของแต่ละธุรกิจมาประสานและใช้ร่วมกัน เพื่อหารายได้เพิ่มจากโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
- ยกระดับบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ของอาร์เอสให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้า Mass Market
- สร้างแบรนด์สินค้าในเครือให้เป็นที่รู้จัก เพื่อขยายฐานลูกค้า
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตั้งต้นจากนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเป็น First mover ในตลาดสินค้าประเภทนั้นๆ อยู่เสมอ
- เพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัท ผ่านการ Synergy และจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในหลากหลายวงการ
- เข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ผ่านการจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ด้วยการทำ M&A และการทำ JV
- ใช้ศักยภาพจากทุกธุรกิจในเครือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของอาร์เอสตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- ได้รับผลตอบแทนการลงทุนจากการ IPO ของบริษัทที่ อาร์เอส กรุ๊ป เข้าไปร่วมลงทุน
นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน เปิดเผยว่า “สำหรับปี 2565 กุญแจสำคัญที่จะทำให้อาร์เอส กรุ๊ป ก้าวไปสู่เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ คือ การดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ LEAP โดย L คือ Lifestyle Wellbeing Solution, E คือ Entertainment Uplift, A คือ Asset Monetization และ P คือ Popcoin ซึ่งทั้ง 4 กลยุทธ์สำคัญ จะนำไปสนับสนุนการทำงานของธุรกิจในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ให้เติบโตก้าวกระโดดไปอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง”
การนำกลยุทธ์ LEAP ไปสนับสนุนการทำงานในแต่ละธุรกิจ มีรายละเอียด ดังนี้
L หรือ Lifestyle Wellbeing Solution โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย
อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์เป็น “Your Wellbeing Partner” ที่คัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการที่ต่อยอดความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้าทุกๆ คน ซึ่งในปีนี้ อาร์เอส มอลล์ จะมุ่งเน้นที่ 4 เรื่องสำคัญ คือ
- มุ่งมั่นเป็น Your Wellbeing Partner โดยคัดเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มีการแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้ากลุ่มบอดี้ มีสัดส่วน 60% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม สินค้ากลุ่มมายด์ สัดส่วน 5% ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เช่น ไทยประกันชีวิต บุพพการีมีเงินใช้ (เพื่อเพื่อผู้สูงอายุ), ไทยพาณิชย์ โพรเทค ประกัน แคนเซอร์ พลัส และสินค้ามงคล เป็นต้น สินค้ากลุ่มโฮมแอนด์เพ็ท สัดส่วน 20% และสินค้ากลุ่มโซเชียลแอนด์ทราเวล สัดส่วน 15% โดยสินค้าที่ขายใน RS Mall ทั้งหมดมาจากบริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาร์เอส กรุ๊ป 50% และพาร์ทเนอร์อีก 50%
- ใช้ Popcoin เป็นตัวเชื่อมในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ RS Mall ซึ่ง Popcoin จะมาเป็นเครื่องมือในการทำ GWP (Gift with Purchase) และช่วยเพิ่มยอดขายจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับสมาชิก RS Mall PLUS
- ขยายและสร้างความแข็งแกร่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ
- จัดทำ Loyalty Program ในชื่อ ‘RS Mall PLUS’ สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 8 แสนราย และคาดว่าภายในสิ้นปี 65 จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 1.2 ล้านราย
บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด
ในปีนี้บริษัทไลฟ์สตาร์ ได้รีแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Innovative Wellness Product Company ที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ (Preventive Care) พร้อมไปกับการขับเคลื่อนให้ผู้คนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้ผลิตภัณฑ์ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่
- well u (เวล ยู) แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการค้นคว้า และการนำนวัตกรมทางวิทยาศาสตร์ มาผสานกับพลังจากธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีที่สุดของแต่ละบุคคล
- Vitanature+ (ไวตาเนเจอร์พลัส) แบรนด์ที่เชื่อในวิถีธรรมชาติ ใช้นวัตกรรมชั้นสูงในการนำสารสกัดสมุนไพรนานาชนิด มาผนวกกับความรู้และภูมิปัญญาจากทั่วโลก เพื่อพัฒนาเป็นสินค้าสำหรับการดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
- CAMU C (คามู ซี) Innovative Health & Wellness Drink โดยมีสารสกัดจากผล CAMU CAMU เป็นวัตถุดิบหลัก
- Lifemate (ไลฟ์เมต) ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ภายใต้คอนเซปต์ Holistic Wellness สำหรับเพื่อนคู่ชีวิตของคุณ ที่ดูแลสุนัขและแมวให้มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี
ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ปีนี้เป็นสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและ CBD ที่จะทยอยออกมาในแต่ละแบรนด์ และนอกจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน RS Mall แล้ว ยังขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า เช่น ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก Specialty Store ร้านขายยา และเพ็ทชอป รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วย ที่สำคัญยังนำ Popcoin มาเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Engagement เพื่อให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
E หรือ Entertainment Uplift ยกระดับธุรกิจสื่อและบันเทิง
สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
– พร้อมรุกช่องทางออนไลน์และสร้างฐานแฟนคลับใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมรายการต่างๆ ของช่อง 8 ด้วยการสร้างเพจและกลุ่มละครช่อง 8 ทั้งเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม
– พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของช่องใหม่ ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับสมาชิกเท่านั้น อาทิ CH8 FanZone, CH8 Exclusive Content เป็นต้น
– ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (อายุ 18-24) “Gen8” อาทิ คอนเทนต์เด็กช่อง 8 ผ่านทางนักแสดงเลือดใหม่ของช่อง 8
– เพิ่มออริจินัลคอนเทนต์ และสร้างฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ (อายุ 18-30) ด้วยซีรีส์จากหนังที่ประสบความสำเร็จในอดีต เจนนี่กลางวันครับ กลางคืนค่ะ และรายการจากโฟร์ท แอปเปิ้ล Vibe Global Audition Reality TV talent และ Food Truck Battle ซีซั่น 2
– รายการข่าว ละคร และมวย ที่จะยกระดับเอาใจผู้ชมช่อง 8 มากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ผู้ชมช่อง 8 จะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก Popcoin ผ่านระบบเมมเบอร์ชิพ รวมไปถึง Exclusive คอนเทนต์ที่มีให้เฉพาะ Popster เท่านั้น ส่วนสปอนเซอร์ยังสามารถนำ Popcoin ไปทำกิจกรรมที่หลากหลายร่วมกับช่อง 8 เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น
COOLISM
นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่งที่ผู้ฟังเหนียวแน่นทั้งบนออนแอร์และออนไลน์ ที่พร้อมขับเคลื่อนประสบการณ์การฟังเพลง ด้วยการขยายฐานผู้ฟังสู่ Young Generation ผ่านสมาร์ท สปีคเกอร์ และสมาร์ท ดีไวซ์ อาทิ Siri, JOOX, Apple Music, Google Home และ Huawei Harmony OS พร้อมมุ่งเน้นรักษาฐานผู้ฟัง ด้วยกิจกรรมที่โดนใจ อาทิ COOL Outing และ อิ๊งค์ Eat All Around ด้าน COOLive วางแผนจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่ ได้แก่ kemikaze Party 2022 ในช่วงเดือนมิถุนายน Dance Marathon 2022 ในช่วงเดือนตุลาคม และปิดท้ายปี 2022 ด้วย 21st Anniversary D2B Festival นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ ด้วยระบบ CRM ที่ทำร่วมกับ Popcoin ในปีนี้ ได้แก่ Money can’t buy สิทธิพิเศษเฉพาะ Popster ที่จะได้เข้าชมคอนเสิร์ตผ่านตั๋วพิเศษ ที่จะได้นั่งแถวหน้า สิทธิถ่ายรูปร่วมกับศิลปินหลังเวที และมี Reseved parking ให้ นอกจากนี้ยังนำ Popcoin ไปสร้าง Engagement กับคนฟัง COOLfahrenheit ผ่านการเล่นเกมในแต่ละช่วงของคูลเจ และให้สิทธิประโยชน์เพิ่มกับสปอนเซอร์ นำ Popcoin ไปทำกิจกรรมทางการตลาด สร้าง Engagement กับลูกค้าของแต่ละแบรนด์ด้วย
RS Music
ทำคอนเทนต์ใหม่ๆ ขึ้นไปวางบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อออกซิงเกิ้ลใหม่ และยังสามารถฟังผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ อาทิ Apple MUSIC, JOOX, Spotify และ TRUE ID รวมถึงพาร์ทเนอร์ AIS, DTAC และ TRUE นอกจากนี้ การเพิ่มช่องทางรายได้จากการบริหารและดูแลศิลปินด้วยการผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ป้อนเข้าช่องทางออนไลน์ ทั้งช่อง RSfriends, Kamikaze และ RSiam และงานบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลง ที่ปีนี้จะเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่จากแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ TikTok และพันธมิตรใหม่ๆ
บริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด
จากความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านคอนเทนต์ K-Pop ในปีนี้ โฟร์ท แอปเปิ้ล จึงจัดทำรายการ Food Truck Battle ซีซั่น 2 และรายการ Men in Light Documentary ที่นำเสนอเรื่องราวของศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก นอกจากคอนเทนต์ฝั่ง K-Pop แล้ว โฟร์ท แอปเปิ้ล จะมีการผลิตคอนเทนต์และร่วมจัดอีเวนท์ระดับโลกตามมาอีกมากมายในอนาคต
A หรือ Asset Monetization การเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่จาก Asset ในองค์กร
RS Music
การเข้าสู่ตลาด NFT ภายใต้ความแปลกใหม่ที่แฟนคลับ RS Music ต้องติดตาม และจากฐานผู้ชมผู้ฟังเพลงรวมกว่า 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานผ่านทุกช่องทางออนไลน์ RS Music จะสร้างออนไลน์คอนเทนต์รูปแบบใหม่ใน youtube โดยมีรายละเอียด ดังนี้
– ช่อง RSiam ได้แก่ รายการอาร์สยามขายเก่ง, รายการคลินิกเงินกรู๊วววว, รายการ R Siam ขาเลาะ และรายการอิหยังวะ
– ช่อง RSfriends ได้แก่ รายการโตมากับเฮีย, รายการติดสัตว์ และรายการเดอะแบก
– ช่อง Kamikaze ได้แก่ รายการวัยรุ่นเงินล้าน, รายการหาทำ, รายการร้อนงาน และรายการหิวไก่
รวมถึงการสร้างออนไลน์คอนเทนต์ร่วมกับช่องทางศิลปิน เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม กับ รายการ MISSION เฮ็ดสิเบิ้ล และรายการน่ารักสัตว์สัตว์
บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จากที่ อาร์เอส กรุ๊ป ได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 35% นั้น ขณะนี้ เชฎฐ์ เอเชีย ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจ ทั้งในแง่การ Synergy เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจร่วมกัน และการเตรียมการ IPO โดยจะยื่น Filing ต่อสำนักงานกลต. ในไตรมาส 2 ปี 2565 และมีกำหนดการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4 ปี 2565
P หรือ Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม เทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้แก่ อาร์เอส กรุ๊ป รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ได้อีกด้วย
ล่าสุด Popcoin มีผู้ลงทะเบียนเป็น Popster จากแคมเปญ Popcoin Airdrop แล้วกว่า 7 แสนราย ซึ่งในปีนี้ เหล่า Popster จะเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ที่พิเศษสุดๆ ยกตัวอย่างเช่นการที่ Popcoin นำ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาร่วมงานในฐานะ Platform Partner ที่สำคัญ Popcoin ยังเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป เพื่อนำไปส่งเสริมการขาย เป็นช่องทางหารายได้ใหม่ๆ และสร้าง Engagement กับลูกค้าของแต่ละแบรนด์ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงมองหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1 – 2 ดีลภายในปีนี้ ซึ่งโฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายและแพลตฟอร์มของธุรกิจคอมเมิร์ซ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าและบริการ และส่งเสริมให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญ การทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย
“ทั้งนี้ จากการใช้กลยุทธ์ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเป็นการยกระดับโมเดล Entertainmerce เพื่อสร้าง Seamless Customer Experience และส่งเสริมให้เกิด Seamless Big Data ที่จะส่งผลให้ อาร์เอส กรุ๊ป มีฐานข้อมูลลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น สามารถวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตและการขยายธุรกิจทั้งในแนวตั้งและแนวราบ และมี Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ โดยคาดว่า อาร์เอส กรุ๊ป จะมีรายได้รวมทะลุ 5.1 พันล้านบาท ภายในปี 2565 ได้อย่างแน่นอน” นายวิทวัส กล่าวปิดท้าย