Jubilee รุกหนัก กลยุทธ์ปีเสือทอง ลุยตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่งคอลเลกชั่นใหม่โดนใจทุกเทศกาล ตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 10%
Jubilee ผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรอันดับหนึ่งของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “Jubilee Diamond” เดินหน้าสร้างสถิติสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และกำไรส่งท้ายปี 2564 โชว์ผลงานไตรมาส 4 โกยรายได้ 590 ล้านบาทและกำไร 107 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพทีมที่แข็งแกร่ง เตรียมความพร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ปลุกกำลังซื้อทันทีหลังคลายล็อกดาวน์ จัดเต็มอีเวนต์ใหญ่ช่วงปลายปีในธีมเทศกาลแห่งการให้ของขวัญ พบกระแสตอบรับล้นหลามสร้างยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกสาขา เพิ่มอีเวนต์ตามต่างจังหวัด จับมือพันธมิตรสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดใหม่ ๆ จัดหนักโปรโมชั่นสุดคุ้มค่า มองปีเสือทองเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวเป็นปัจจัยหนุน ตั้งเป้ายอดขายไตรมาสแรกโตไม่น้อยกว่า 10% รุกทำตลาดเต็มสูบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ส่งคอลเลกชั่นใหม่โดนใจทุกเทศกาล รับกังวลโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee (ชื่อหุ้น : JUBILE) เปิดเผยว่า “ท่ามกลางความท้าทายของโควิด-19 ที่เป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและธุรกิจ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค ในปี 2564 ที่ผ่านมา Jubilee ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดดเด่นเป็นพิเศษในไตรมาส 4 ที่สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร ด้วยรายได้ 590 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 107 ล้านบาท ซึ่งรายได้สูงกว่านิวไฮที่บริษัททำไว้เมื่อไตรมาส 4 ปี 2563 ถึง 4% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากทีมที่แข็งแกร่ง มีการเตรียมพร้อมวางกลยุทธ์ได้ทันทีหลังคลายล็อกดาวน์เพื่อเดินหน้าสร้างยอดขาย อาทิ จัด 3 อีเวนต์ใหญ่ช่วงปลายปีในธีมเทศกาลแห่งการให้ ที่มีกระแสตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามและสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทำให้สาขามียอดขายค่อนข้างดี ทั้งยังจัดอีเวนต์ตามต่างจังหวัดเพิ่มเติม และเปิดตัวสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ ประกอบกับอานิสสงส์จากช่วงเทศกาลมอบของขวัญให้กันในช่วงปลายปี รวมทั้งมีการคลายล็อกดาวน์ คนเริ่มมีความเชื่อมั่น ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายกลับคืนมา”
จากการทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 4 เป็นแรงสนับสนุนสำคัญ ทำให้ทั้งปี 2564 Jubilee มีกำไรสุทธิ 225.3 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,531.3 ล้านบาท แม้จะน้อยกว่าปี 2563 เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ระลอกนี้มีผลกระทบที่รุนแรงและยาวนานกว่าปีก่อน ทำให้มีการปิดสาขาเป็นการชั่วคราวตามประกาศของภาครัฐ และเกือบตลอดทั้งปีไม่สามารถจัดงานอีเวนต์ใด ๆ ได้ แต่ Jubilee ไม่เคยหยุดนิ่ง ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และจับมือพันธมิตรสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดใหม่ ๆ พร้อมจัดทำโปรโมชั่นราคาสินค้าที่โดนใจกระตุ้นลูกค้าทั้งในสาขาและผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายใหม่ที่สำคัญ ช่วยสร้างยอดขายควบคู่ไปกับยอดขายจากสาขาทั่วประเทศที่มีกว่า 130 สาขา
“หัวใจสำคัญที่ทำให้ Jubilee ก้าวข้ามวิกฤติรุนแรงครั้งนี้ได้ คือ ทีมที่แข็งแกร่ง มีความมุ่งมั่นไม่หยุดนิ่งที่จะแก้ปัญหา ปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จัดโปรโมชันคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องทั้งออฟไลน์และออนไลน์ กระตุ้นลูกค้าเก่าในช่วงที่ล็อกดาวน์ โดยให้พนักงานขายนำเสนอโดยตรงกับลูกค้า ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผ่านการบริหารวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า และจับมือกับพันธมิตรสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เช่น ร่วมกับ LINE MAN ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ หรือ LIVE สดกับหมอช้าง เป็นต้น และเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นก็เดินหน้าตามแผนการตลาดที่วางไว้ทันที รวมทั้งมองหาช่องทางและโอกาสใหม่ ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย อาทิ Jubilee Online Store มีการสร้างคอนเทนท์เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในตลาดดิจิทัล สิ่งสำคัญคือมีการศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้า ว่าสถานการณ์ปัจจุบันลูกค้าเป็นอย่างไร ดังนั้น ภายใต้การปรับตัวครั้งนี้น่าจะทำให้ Jubilee มองเห็นโอกาสและตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะโอกาสในการรุกตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ” นางสาวอัญรัตน์กล่าว
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ Jubilee ปี 2565 ว่า “แม้ในปีนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ที่เป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ซึ่งสิ่งที่ Jubilee ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ เตรียมพร้อมรับมืออย่างรอบด้าน และหาแนวทางการตลาดใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เดินหน้าสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และออกคอลเลกชั่นใหม่ตามเทศกาล โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% พร้อมมีแผนเตรียมปรับปรุงสาขา Stand alone ที่ตั้งอยู่นอกห้างสรรพสินค้า รองรับหากเกิดกรณีล็อกดาวน์อีก และจะขยายสาขาใหม่เพิ่ม 2-3 สาขา จากสถานการณ์ราคาเพชรในตลาดโลกปัจจุบัน ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มองว่าปีนี้เทรนด์การลงทุนในเพชร ที่เป็นสินทรัพย์มั่นคงและปลอดภัยจะยิ่งมาแรง ก่อให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย”