วันพุธ, ตุลาคม 4, 2023
BUSINESS

แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป ทุ่ม 60 ล้าน ขยายโรงงาน เพิ่มกำลังผลิต เตรียมผลไม้เข้าไลน์ผลิตกว่า 1 หมื่นตัน พร้อมดันโมจิไอศกรีมลุยตลาดต่างประเทศ วางเป้าปีนี้ 500 ล้านบาท

 

นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จหลังเปิดตัวไอศกรีมในลูกผลไม้ในปีที่ผ่านมา (2565) ว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทำยอดขายได้สูงถึง 330 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 250 ล้านบาท จากปัจจัยของตลาด การบริโภค และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวหลังโควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยนอกจากคู่ค้าเดิมจากประเทศเกาหลีที่มีการออเดอร์เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในฝั่งยุโรปอย่างฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย และจีน ซึ่งต่างมีการสั่งสินค้าโดยเฉพาะไอศกรีมในกลุ่มไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ที่มีสัดส่วนสูงถึง 90% โดยส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายทั้งในร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรมและซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนั้นยังเกิดจากเอกลักษณ์ของรสชาติความอร่อยของผลไม้ไทย ที่เมื่อนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเฉพาะของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จนกลายเป็นไอศกรีมผลไม้ ทำให้ถูกปากถูกใจคนทั่วโลก

 

จากการขยายตลาดเพิ่มในหลายประเทศและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทางบริษัทฯ มีการขยายโรงงานที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยใช้เงินลงทุนครั้งนี้กว่า 60 ล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 60 ตู้คอนเทนเนอร์ เป็น 80 ตู้คอนเทนเนอร์ (1 ตู้คอนเทนเนอร์ ประมาณ 25,000 ชิ้น) คาดว่าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และการขยายตลาดในอนาคต

 

ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องมีการวางแผนอย่างดี คือ ผลไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตหลัก โดยบริษัทฯ ได้มีการพูดคุยและประกันราคาให้กับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรในการผลิตผลไม้คุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงาน ซึ่งปีนี้ได้เตรียมสต๊อกผลไม้ เพื่อเข้าไลน์ผลิตไว้สูงถึง 1 หมื่นตัน ส่วนผลไม้หลักที่เราต้องการจะเป็นสับปะรด 95% นอกจากนั้นจะเป็นเสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร แผนงานดังกล่าวนอกจากจะเป็นผลดีกับโรงงานที่จะไม่ขาดวัตถุดิบสำคัญแล้ว ยังส่งผลดีและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ไม่เกิดภาวะผลไม้ล้นตลาด หรือผลผลิตถูกกดราคา เพราะหากผลผลิตเป็นไปตามมาตรฐานของโรงงานเราสามารถรับซื้อไว้ได้ทั้งหมด

 

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป มีทั้งหมด 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ กลุ่มไอศกรีมผลไม้แท่ง และกลุ่มโมจิ ไอศกรีม โดยมีจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลไม้ไทยให้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้แท้ รสชาติดี ที่สามารถบรรจุลงในผลไม้สดได้เก็บได้นานถึง 2 ปี ในอุณหภูมิ -25 องศา ปลอดภัย และปลอดเชื้อ ทำให้สามารถผ่านมาตรฐานอาหารได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ในหลายประเทศ

 

ปีนี้ทางบริษัทฯจะนำโมจิไอศกรีมกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากการศึกษาและทดลองตลาด โดยนำเสนอลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรปพบว่ามีความสนใจ โมจิ ไอศกรีม เป็นอย่างมาก เพราะเป็นมิติใหม่ของการกินไอศกรีมที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้น ด้านนอกเป็นแป้งสูตรเฉพาะที่ทางแม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป คิดค้นขึ้นและ ผลิตด้วยเครื่องจักรที่ถูกออกแบบพิเศษจากประเทศญี่ปุ่นต้นตำหรับของขนมโมจิ สอดไส้ด้วยไอศกรีมผลไม้ไทยที่ให้ความสดชื่น โดย โมจิ ไอศกรีม ที่เราผลิตมีทั้งหมด 13 รสชาติ ประกอบด้วยรสงาดำ, วานิลลา, มะม่วงเชอร์เบท, สตรอเบอร์รี่เชอเบท, ช็อคโกแลต, ชาเขียว, มะพร้าว, เผือก, มะม่วงเบสกะทิ, มะนาว, เมล่อน, ลาเต้ และ เสาวรสเชอร์เบท

 

ด้านการจัดจำหน่ายนั้น ขณะนี้เริ่มส่งออกและวางจำหน่ายไปแล้วในบางประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เกาหลี จีน โดยผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปจะเน้นความเป็นสินค้าสุขภาพ เป็น Vegan เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นมังสวิรัติเยอะ รสชาติที่นิยมจะเป็นรสงาดำ แต่ในฝั่งเอเชียอย่างเกาหลี หรือจีนนั้น จะนิยมผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสดชื่น ทานง่าย รูปแบบผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม ทานแล้วถ่ายรูปโชว์ได้

 

ส่วนแผนการตลาดในปีนี้ ยังคงเน้นการขยายตลาดเพิ่มในประเทศฝั่งตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยส่งทีมการตลาดลงพื้นที่เพื่อศึกษาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ตรงกับรสนิยม และความชอบของคนแต่ละประเทศ นอกจากนั้นในบางประเทศอย่างประเทศเกาหลีที่แต่เดิมจะเน้นขายกลุ่ม B2B ก็จะเปิดตลาดในกลุ่ม B2C ที่เป็นรีเทล ซุปเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN มากขึ้น รวมถึงร่วมจัดแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้าใหญ่ๆ อย่าง THAIFEX – Anuga Asia 2023 ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มาจากประเทศใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับเป้ารายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 500 ล้านบาท